เสาหลักเมืองเพชรบูรณ์ (ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง)


เป็นเมืองวัฒนธรรมแบบทวารวดี และขอม สันนิฐานว่ามีอายุตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 11-12 ลงมาถึงพุทธศตวรรษที่ 17-18 เสาหลักเมืองเพชรบูรณ์ จึงถือว่าเป็นเสาหลักเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย
ประดิษฐานอยู่ที่ศาลเทพารักษ์หลักเมือง บริเวณใจกลางเมืองเพชรบูรณ์ ใกล้กับศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์ ประมาณ 200 เมตร
ศาลหลักเมืองนครบาลเพชรบูรณ์

หลักเมืองนี้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2487 สมัยที่รัฐบาลได้ประกาศใช้พระราชกำหนด ระเบียบบริหารนครบาลเพชรบูรณ์ พ.ศ.2487 เป็นหลักเมืองที่ทำด้วยซีเมนต์ จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายยกรัฐมนตรีในสมัยนั้น ได้เป็นประธานกระทำพิธีฝัง เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2487 ซึ่งปัจจุบันหลักฐานที่แสงว่า จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นประธานกระทำพิธีฝังหลักเมืองก็ยังมีอยู่ที่ศาลหลักเมือง โดยมีภาพถ่ายของ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ขณะที่กำลังจะทำพิธีฝังหลักเมือง และมีข้อความเขียนบรรยาย บอกไว้ว่า "จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีได้เป็นประธาน กระทำพิธีฝัง เมื่อวันที่ 23 เมาายน 2487" ปัจจุบันหลักเมืองนี้ ได้สร้างเป็นศาลหลักเมืองนครบาลเพชรบูรณ์
อนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมือง


ตั้งอยู่บริเวณสี่แยกพ่อขุนผาเมือง (สี่แยกหล่มสัก) บ้านน้ำชุน อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ห่างจากที่ว่าการอำเภอหล่มสัก ประมาณ 3 กิโลเมตร พระรูปทำด้วยโลหะ ประดิษฐานในอิริยาบทยืน พระหัตถ์ขวาทรงดาบปักดิน พระหัตถ์ซ้ายชี้ลงพื้น เป็นที่เคารพสักการะ ของชาวเพชรบูรณ์ และผู้ที่เดินทางผ่านไปมา ในเส้นทางดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง
ถ้ำฤาษีสมบัติ


ถ้ำนี้มีรูปปั้นฤาษี จึงได้ชื่อว่า ถ้ำฤาษี ถ้ำนี้จึงมีความน่าสนใจในเชิงประวัติศาสตร์ เพราะในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้สั่งให้เคลื่อนย้ายทองคำแท่ง จำนวนมากจากกระทรวงการคลัง กรุงเทพฯ นำมาเก็บซ่อนไว้ที่นี้ ลักษณะของถ้ำเป็นถ้ำเขาหินปูน บริเวณทางเข้ามีบันไดพญานาคขนาบทั้งสองข้าง นอกถ้ำมีซากป้อมปืนใหญ่ตั้งอยู่ในดงไม้ เพื่อป้องกันทรัพย์สมบัติที่ย้ายมาจากกระทรวงการคลัง ภายในถ้ำมีไฟฟ้า สว่างพอที่จะเห็นร่องรอยที่เก็บช่อนสมบัติ และมีรูปปั้นฤาษีและพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ ถ้ำฤษีสมบัติ ตั้งอยู่ที่บ้านถ้ำสมบัติ ตำบลบุ่งน้ำเต้า อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ อยู่ห่างจากอำเภอหล่มสัก ประมาณ 20 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากเส้นทางหลวงหมายเลข 21 (สระบุรี-หล่มสัก) ประมาณ 2 กิโลเมตร ในปัจจุบันสิ่งก่อสร้างที่เป็นอาคารไม่ปรากฏ นอกจากถ้ำซึ่งมองเห็นเป็นรอยก่อสร้างมั่นคงในสมัยนั้น

เขาค้อ ขอต้อนรับทุกท่านผ่านประตูสู่แหล่งท่องเที่ยว ตามธรรมชาติที่สวยงามจนได้ชื่อว่า สวิสเซอร์แลนด์ เมืองไทย ณ เขาค้อ สถานที่แห่งนี้ มีมนต์เสน่ห์ที่เราอยากให้ท่านมาเยือน และมาชื่นชมกับความงามตามธรรมชาติ น้ำตกที่สวยงาม ประวัติศาสตร์ที่คนไทยทุกคนต้องจารึกอนุสาวรีย์ และซากอดีตแห่งความความขัดแย้ง ของลัทธิการเมือง พระตำหนักเขาค้อ ภูหินร่องกล้า อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง สัมผัสทุ่งหญ้าสวัลนา ในเมืองไทย ทะเลสายหมอก ความงดงามเหล่านี้คุณสามารถแสวงหาได้ทุกฤดูกาล มีทัศนียภาพอันสวยงาม อากาศเย็นสบายตลอดปี เหมาะสำหรับการ พักผ่อน และท่องเที่ยว ทัศนียภาพและความงดงามไม่แพ้เมืองตากอากาศในประเทศสวิตเซอร์แลนด์

พระตำหนักเขาค้อ เป็นจุดสูงสุดของเขาค้อ สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 1,050 เมตร เมื่อยืนอยู่บริเวณพระตำหนัก จะมองเห็นทัศนียภาพสวยงามมาก เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จฯ มาทรงทำการเปิดอนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ ได้ทรงปรารภว่า บริเวณเขาย่า มีพื้นที่สวยงาม น่าจะจัดทำโครงการ อะไรสักอย่างหนึ่งเพื่ออนุรักษ์ป่า ดังนั้นพระตำหนักเขาค้อ จึงได้ สร้างขึ้น เมื่อเดือน กรกฎาคม 2527 จากความร่วมมือ ของหลาย ๆ ฝ่าย เพื่อนำขึ้นน้อมเกล้าฯ ถวายแด่ องค์พระบาท สมเด็จพระเจ้า อยู่หัว สำหรับใช้ประทับแรมในโอกาส ที่พระองค์ท่านเสด็จฯ มาทรงเยี่ยม งานในโครงการพระราชดำริ และทรงเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ และจังหวัดใกล้เคียง พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จฯ มาทรงทำพิธีเปิด พระตำหนักเขาค้อ เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2528
อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ

ชื่อเมืองศรีเทพปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกในเอกสารนิทานโบราณคดีโดยมีข้อมูล ว่าสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสด็จตรวจ ราชการมณฑลเพชรบูรณ์เมื่อ พ.ศ.2447 ทรงตั้งพระทัยสืบหาโดยที่เคยพบชื่อเมืองศรีเทพในทำเนียบเก่าบอกรายชื่อหัวเมือง และในสมุดดำเล่ม หนึ่งว่ามีเส้นทางหนึ่งไปยังสระบุรีเมืองชัยบาดาล เมืองศรีเทพ และเมืองเพชรบูรณ์ ทรงตั้งสมมุติฐานว่า เมืองศรีเทพคงอยู่ ในลุ่มแม่น้ำป่าสัก ระหว่าง เมืองชัยบาดาลกับเมืองเพชรบูรณ์และ พบว่าในป่าแดงใกล้เมืองวิเชียรบุรี มีเมืองโบราณ ขนาดใหญ่แห่งหนึ่งชื่อเมืองี่ อภัยสาลีซึ่งเป็นชื่อที่พระธุดงค์ และชาวบ้านเรียกขานกันตาม ตำนานนิทานพื้นบ้านเมื่อเสด็จมาสำรวจ เมืองอภัยสาลีได้พบโบราณวัตถี่ ุโบราณสถานต่าง ๆ มากมายได้สันนิษฐานว่า เมืองโบราณแห่งนี้คงจะเป็นเมืองเดียวกับ เมืองศรีเทพี่ ที่ปรากฏชื่อ อยู่ในเอกสาร นับได้ว่า สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงเรียกชื่อเมืองแห่งนี้ว่า เมืองศรีเทพเป็นพระองค์แรก และมีการเรียกขานชื่อนี้มาจนถึงปัจจุบัน เมืองศรีเทพ สร้างขึ้นในสมัยยุคขอมเรืองอำนาจ ซึ่งคาดว่ามีอายุไม่ต่ำกว่า 1,000 ปี โดยดูจากหลักฐาน ทางสถาปัตยกรรม ศิลปกรรม และวัฒนธรรมที่ตกทอดมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีเอกลักษณ์ เฉพาะตัว และมีความเจริญสูงสุดทางด้านสถาปัตยกรรม และศิลปกรรม ซึ่งสันนิษฐานว่า จะอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 11 ถึง 18 เป็นดินแดนแห่งตำนานที่เคยเป็นมหานคร ที่เจริญรุ่งเรือง มาก่อนเช่นเดียวกับเมืองที่ ดงศรีมหาโพธิ์ ในจังหวัดปราจีนบุรีมีอายุมากกว่า 1,000 ปี มีเนื้อที่ 2,889 ไร่ คาดว่าจะมีคนในยุคก่อนประวัติศาสตร์ อาศัยอยู่ก่อนแล้ว มีการพัฒนาต่อเนื่องขึ้นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งจะเป็นชุมชนที่ใหญ่ขึ้น และ กลายเป็นเมืองศรีเทพ ที่มีการรับทั้งศาสนาพุทธและฮินดูเข้ามาในช่วงต่างๆ
ภูทับเบิก
ตั้งอยู่ที่บ้านทับเบิก ตำบลวังบาล ห่างจากอำเภอหล่มเก่า 40 กิโลเมตร ตามเส้นทางจากหล่มเก่าไปภูหินร่องกล้า หรือห่างจากตัวจังหวัดเพชรบูรณ์ประมาณ 90 กิโลเมตร ภูทับเบิกมีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,768 เมตร เป็นจุดที่สูงที่สุดของเพชรบูรณ์ มีสภาพภูมิประเทศที่สวยงามด้วยธรรมชาติแบบทะเลภูเขา มีอากาศบริสุทธิ์ สภาพภูมิอากาศเย็นสบายตลอดปี เนื่องจากร่องลมเย็นจากเทือกเขาหิมาลัยและอยู่บนที่สูง จึงสามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกล โดยช่วงเช้าจะมองเห็นกลุ่มเมฆ และทะเลหมอกตัดกับยอดเทือกเขาเพชรบูรณ์ นอกจากนี้ภูทับเบิกยังเป็นสถานที่ที่สำคัญของจังหวัดเพชรบูรณ์ คือเป็นจุดรองรับน้ำฟ้ากลางหาว (เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2542) เพื่อนำไปรวมเป็นน้ำเพชรน้อมเกล้าถวายเป็นน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ในวันที่ 5 ธันวาคม 2542
ปัจจุบันภูทับเบิกเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง ซึ่งได้อพยพมาอาศัยอยู่ที่บ้านทับเบิก หมู่ที่ 14 และหมู่ที่ 16 โดยอยู่ในความดูแลของศูนย์พัฒนาสงเคราะห์ชาวเขาจังหวัดเพชรบูรณ์ ประกอบด้วยอาชีพทำการเกษตรแบบขั้นบันไดตามเชิงเขา ในช่วงปลายฝนต้นหนาวจะพบเห็นไร่กะหล่ำปลีอยู่สองข้างถนนสู่ทับเบิกสวยงาม ในราวเดือนธันวาคม-มกราคม จะมีดอกซากุระหรือนางพญาเสือโครงสีชมพูบานสะพรั่งไปทั้งภูเขา นอกจากนี้ในยามค่ำคืนยังมองเห็นแสงไฟระยิบระยับจากบ้านเรือน ในอำเภอหล่มสักที่อยู่เบื้องล่าง เปรียบได้กับ “ดาวบนดิน” จากสภาพดังกล่าว ทำให้ภูทับเบิกเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และดึงดูดนักท่องเที่ยวที่นิยมสัมผัสบรรยากาศที่หนาวเย็น วิถีชีวิตชาวเขา และแหล่งธรรมชาติที่บริสุทธิ์ ภายใต้คำกล่าวที่ว่า “นอนทับเบิก สัมผัสความหนาว ดูดาวบนดิน” สิ่งอำนวยความสะดวก บริเวณหมู่บ้านทับเบิกและจุดชมวิว มีบ้านพัก เต็นท์ และร้านอาหารเปิดบริการแก่นักท่องเที่ยว
การเดินทาง สู่ภูทับเบิก จากเพชรบูรณ์ ใช้ทางหลวงหมายเลข 21 ประมาณ 40 กิโลเมตร ถึงสี่แยกหล่มสัก ตรงไปตามทางหลวงหมายเลข 203 อีก 13 กิโลเมตร พบป้ายบอกทางไปอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ตามทางหลวง 2011 และทางหลวงหมายเลข 2331 อีก 40 กิโลเมตร ถึงด่านเก็บค่าธรรมเนียมของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จากตรงนี้มีทางแยกขวาเข้าหมู่บ้านทับเบิกไปอีก 6 กิโลเมตร เส้นทางจากหล่มเก่ามาภูทับเบิกจะสูงชันและคดเคี้ยวมาก รถบัสไม่สามารถขึ้นได้ ผู้ที่ใช้รถยนต์หรือรถตู้ ควรขับรถด้วยความระมัดระวังอีกเส้นทางหนึ่งใช้เส้นทางด้านอำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ผ่านอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เลยที่ทำการอุทยานฯมาประมาณ 24 กิโลเมตร จะถึงภูทับเบิก หากขับรถต่อไปจะมาบรรจบกับเส้นทางที่จะลงไปยังอำเภอหล่มเก่า
อุทยานน้ำหนาว

โดยทั่วไปอากาศหนาวเย็นในตอนดึกและตอนเช้า ส่วนใหญ่ตอนกลางวันอากาศเย็นสบาย จึงกล่าวได้ว่า อุทยานแห่งชาติน้ำหนาวมีอากาศหนาวเย็นตลอดปี อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปี 25 องศาเซลเซียส ในฤดูฝนจะมีฝนตกชุกระหว่างเดือนกันยายน-ตุลาคม ส่วนใหญ่ฤดูหนาว อากาศหนาวเย็นมาก จนบางครั้งน้ำค้างจะกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็ง อากาศจะหนาวเย็นที่สุดในเดือนธันวาคมและมกราคม ซึ่งในบางปีอุณหภูมิจะลดต่ำถึงศูนย์องศาเซลเซียส